คณะครูโรงเรียนบ้านเขาหินซ้อน ศึกษาดูงานเลาะตะเข็บริมโขงวันที่ 3 - 9 เมษายน 2554
วันที่ 2 ศึกษาภูมิประเทศ อุทยานแห่งชาติ ภูสวนทราย
อาหารมื้อเช้ามื้อนี้ กาแฟ ข้าวหลาม แปลกไหม ขนมปัง ที่เก็บมาจากพื้นล่าง ตามด้วยข้าวต้มหมู คนละ สองสามถ้วยเก็บพลังงานไว้เพื่อเดินทาง
หลังจากทางอาหารเช้าเรียบร้อย อากาศปลอดโปร่งแจ่มใส่ดี เป็นใจกับ(ผู้ท่องเที่ยว)8.30 น สมาชิกทุกท่านพร้อมเริ่มออกเดินทางโดยมีมัคคุเทศก์ ชื่อน้องหนิง นำไปนมัสการหลวงพ่อปู่ใหญ่ วัดศรีโพธ์ชัย คณะได้เดินชม โบลส์อายุ สี่ร้อยกว่าปี ซึ่งได้ผลกระทบจากแผ่นดินไหวในประเทศลาว ทำให้โบสถ์เกิดรอยหลายแห่ง คณะเดินทางได้เข้าไปกราบนมัสหลวงพอ ปู่ใหญ่พระประธานในโบสถ์ ซึ่งสร้างด้วยก้อนอิฐดินเปล่า จากนั้นชมหอไตร ปิฏก แปลกแฮะ ไม่มีบันได คงจะขึ้นได้เฉพาะคนที่ญาณแกร่งกล้าเท่านั้นมั้ง ที่จะขึ้นไปได้ สอบถามพระคุณเจ้าได้ความว่า เด็กไปปีนเล่นเลยถอดบันไดเก็บ วันนี้กฤษ์ไม่มี อดชมมนฑปพระเพชร(ทำให้ด้วยเพชรของมีค่า จะเปิดให้ชมเฉพาะวันสงกรานต์เท่านั้น) ใครจะเข้าชมต้องติดต่อกรรมการวัด(ต้องให้คนถือกุญแจทั้ง 5 ดอกมาพร้อมกันถึงจะเปิดชมได้) วัฒนธรรมจังหวัดให้ข้อมูลว่า ทำด้วยทองคำทั้งองค์ ข้างในมีของมีค่ามากมาย กำลังจะเดินกลับหัวหน้ากลุ่มทัวส์เรียกให้ไปชม โป่ง
ซึ่งโป่งเป็นไม้สำหรับตีเรียกประชุมญาติโยม คล้าย ๆ กับเกราะบ้านเราแต่มีขนาดใหญ่กว่ามากใช้เพื่อนัดแนะชาวบ้าน หัวหน้าคณะทัวส์ทดลองถั่งโป่ง(กระทุ้งโป่ง) ปรากฎว่ามีชาวบ้าน ขีมอเตอร์ไซต์เข้ามาที่วัด มาดูว่าเกิดเหตุการณ์ไรขึ้น คริคริ
จากนั้นออกเดินทางไปนมัสการเจดีย์พระธาตดินแทน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ชาวบ้านจะนับถือพระธาตุนี้มาก จะไม่ฆ่าสัตว์ทุกวันโกนและวันพระ ไปถึงพระธาตุมีลักษณะเป็นกองดิน โดยชาวจะนำดินขึ้นไปกอง
จากนั้นเดินทางขึ้นไปชมรอยพระพุทธบาท ป้ายเขียนไว้เดินทางไปอีก 120 เมตรเดินไปบนเขา ปรากฎว่ายิ่งเดินยิ่งหาไม่เจอ ดูท่าจะไม่ไหว เพราะ สว.(สูงวัย) เลยกันถอยหลังกลับ ลงมาถามพระคุณเจ้า พระคุณเจ้ารูปแรกบอกว่าอาตมาก็ยังเดินไปไม่ถึงเหมือนกัน แต่ได้ข้อเท็จจริงจากพระคุณเจ้าอีกรูปว่าระยะทาง 120 เมตรจริง แต่ถึงต้นไม้ใหญ่ให้เลี้ยวขวา รอยพระพุทธบาท เป็นรอยบนแผ่น เดินผิดทางนิหวาเรา คริคริ แต่ไม่ไปดูละ เพราะหมดแรง
แล้วเดินทางต่อไปยังอุทยามิตรภาพไทยลาว จ่ายค่าเข้าชมอุทยา คนละ 20 บาท พอผ่านด่านได้ประมาณ 200 เมตร ก็ จะพบอุทยานไทยลาว(ภูหัวฮ้อม) ซึ่งมีทิวทัศน์และหน้าผาสวยงามมาก แวะถ่ายรูปชมจนหน่ำใจ
ภาพนานอรามา ชุดที่ 1 | ชุดที่ 2 | ชุดที่ 3 |
แล้วเดินทางมุ่งสู่ ผลิตภัณฑ์ของชุมชนบ้านบ่อเหมืองน้อย ซึ่งแปรรูปผลิตผลทางการการเกษตร จุดมุ่งหมายของเราคือ ผลแมคดีเนีย อบแห้ง และช็อกแลคแมคคาดีเนีย น้ำเสาวรส แต่บังเอิญน้ำเสารสไม่มีเพราะไม่ใช่ฤดูของมัน ทางกลุ่มแม่บ้านแนะนำน้ำสตอเบอร์รี่ แช่เย็นมาแล้ว 2 อาทิตย์มาให้ชิมคนละ ๅ ขวด ผู้ชิมไม่รู้ว่ามันคือวายสตอเบอร์รี่ เลยเอาขาเป๋ไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะโชว์เฟอร์ถึงกับต้องนอนพักบนแค่ไม้ไผ่ ซัก 5 นาที พอได้สติ นพอได้สติจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ซื้อขอฝาก เลย พากันกระจายรายได้สู่ชุมชซื้อแมคคาดีเนีย อบแห้ง คนละ 3ถุง 4 ถุง ถุงละ 120 บาท เพื่อเป็นของฝาก
แล้วเดินทางต่อไปยังน้ำตก ตาดเหือง เป็นน้ำตกมิตรภาพไทยลาวโดยลงจากรถช่วยกันขนสัมภาระ อาหารการกิน มีส้มตำไทย ลาว น่องไก่ทอด หมูแดดเดียว และ ข้าวเหนียวถุงใหญ่ คนละถุง ทั้งหมด 10 ถุง เดินลงไปตามป้ายบอกทางว่า 200 เมตร พอเดินลงไปถึงมันไม่น่าใช่ 200 เมตร มันน่าจะเป็น ครึ่งกิโลเมตรเดินลงเขา พอเดินไปถึงที่น้ำตกทัศนีย์สวยงาม จากนั้นก็ นั่งโพสท่าถ่ายรูป และ รับประทานอาหารกลางวัน เปลี่ยนที่กินไปหลายที่ เพราะแดดมันส่อง (ร้อนทนไม่ไหว) จนอิ่มหนำใจ ฝนเริ่มตั้งเคล้า (เมื่อกี๊มันยังร้อนอยู่เลย) ลมเริ่มพัดแรงเริ่มเอะใจนึกว่าน้ำตกกระเซ็นที่แท้ฝนเริ่มตก ทุกคนช่วยกันขนสัมภาระกลับขึ้นไปที่รถ พร้อมเก็บไม้ถือติดมือไปคนละอันสองอันเพื่อไปคล้ำหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงทางเข้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์จะได้ค้ำจุน กว่าจะขึ้นมาถึงที่รถได้ก็เล่นเอาคางเหลืองตาม ๆ กัน นั่งพักเอาแรง สีห้านาทีหัวหน้าทัวส์ก็เรียกขึ้นรถ
ภาพนานอรามา ชุดที่ 6 |
เพื่อเดินทางต่อไปตามเส้นทางรอบอุทยานเลาะตะเข็บชายแดนขุนเขามิตรภาพไทยลาวจนถึงที่ทำการอุทยานภูสวนมทราย จอดรถลงไปพักเหนื่อย ที่ทำการอุทยาน และไปชมเต่าปูลูหน้าที่ทำการการปรากฎว่าเต่ามันอายไม่ออกมาให้ดู ไปแอบอยู่ในรู หมด ต้องให้เจ้าที่จับออกมาให้ดู
นั่งพักครึ่งชั่วโมงพอมีเรี่ยวมีแรง ก็เดินทางต่อไปที่ จุดผ่อนปรนมิตรภาพไทยลาว ซึ่งเป็นชายแดนเดินชอบปิ้งอยู่กลางตลาดได้ถั่วคั่วทราย เส้นขนมจีน สำเร็จรูป กระดึงวัว(เอาไปให้ลูกหลานดู) และไม้กวาด ที่มีราคาถูกกว่าบ้านเรา ถึงอันละ 20 บาท
ได้เวลาเดินทางกลับที่พัก แวะเที่ยวกินถั่วที่น้ำตกคิ้งข้างทาง และเป็นที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเคยเสด็จมาประทับ บรรยกาศเหมาะแก่การเล่นน้ำจริงๆ แต่บังเอิญไม่ได้เตรียมชุดมา เลยแห้ว(สมกับมานาแห้วจริง ๆ ) ถั่วหมดถุงก็ชวนกันกลับที่พัก
ปฏิบัติภาระกิจส่วนตัวจนถึงเวลา 17.00 น กลิ่นอาหารเย็นเริ่มโชยเข้าจมูกทำให้ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นอาหารก็เริ่มวางบนโต๊ะ มีน้ำพริกหนุ่ม ปลานิลเผาเกลือ ยำผักกูดราดกะทิ ฝักหอมต้มปีกไก่บน อาหารมื้ออร่อยมาก เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ ทวงของหวาน คือ แตงโม มาให้กลั้วคอ
หลังจากทางอาหารเสร็จ
ก็มีกรุ๊ป คณะวัฒนธรรมจังหวัดเลยแวะเข้ามาพักที่นี่ด้วยเลยเข้ามาทักทายพูดคุยและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเลย ให้คณะของพวกเรา หลังจากนั้นแยกย้ายกันเข้าพักผ่อนเอาแรงไว้มุ่งหน้าสู่ เชีบงคานในวันต่อไป